ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ
สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบางเทา อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ผู้ศึกษา มณีรัตน์
แซ่ลิ้ว
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านบางเทา
ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ปี 2551
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะฯ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะฯ
เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะฯ และเพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยด้วยแบบฝึกทักษะฯ
โดยเป็นการศึกษากับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบางเทา อำเภอถลาง
จังหวัดภูเก็ต ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550
จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบฝึกทักษะฯ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีค่าดัชนีความสอดคล้องทั้งฉบับ (IOC) เท่ากับ
0.87 และมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 และแบบประเมิน เจตคติของนักเรียนมีค่าดัชนีความสอดคล้องทั้งฉบับ
(IOC) เท่ากับ 0.82
และมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.75 การวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการวิเคราะห์เจตคติที่มีต่อการเรียน
ใช้การหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สถิติที ( t-test) สุดท้ายการวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลด้วยวิธีการของกูดแมน
เฟลคเทอร์และชไนเดอร์ ผลการศึกษามีประเด็นสำคัญ ดังนี้
ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะฯ
มีประสิทธิภาพของกระบวนการเรียน (E1) เท่ากับ 84.26 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
54.77 แสดงว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80 ตัวแรก ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะฯ
ผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 88.21 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
57.33 แสดงว่าแบบฝึกฯ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80 ตัวหลัง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ โดยได้เกณฑ์ประสิทธิภาพเท่ากับ 84.26 / 88.21
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจากการสอนด้วยแบบฝึกทักษะฯ
พบว่า คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนก่อนใช้และหลังใช้แบบฝึกทักษะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
.01
และมีดัชนีชี้วัดประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ฯ เท่ากับ 0.52 ดังนั้นสรุปได้ว่า แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 ที่ผู้วิจัยได้จัดสร้างขึ้นสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล และพบว่า
เจตคติของนักเรียนระหว่างใช้แบบฝึกกับหลังจากใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
.01
โดยเจตคติหลังใช้แบบฝึกสูงกว่าก่อนใช้แบบฝึก